รายละเอียดข้อมูลวิจัย

ลำดับที่ 7039
ผู้กรอกข้อมูล ประณีตศิลป์ เชาวน์ลักษณ์สกุล
วันที่กรอกข้อมูล 8/6/2553
ชื่อเรื่องไทย การเจรจาต่อรองของหัวหน้าหอผู้ป่วย และพยาบาลประจำการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์
ชื่อเรื่องอังกฤษ Negotiation among Head Nurses and Staff Nurses in Kasemraj Sriburin Hospital
ชื่อผู้วิจัยหลัก วารุณี ผสมบุญ
   
ชื่อผู้วิจัยร่วม
ผู้ร่วมวิจัย
รองศาตราจารย์เรมวล นันท์ศุภวัฒน์
วิภาดา คุณาวิกติกุล
รัตนาวดี ชอนตะวัน
สังกัด อื่นๆ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์
   
แหล่งทุน
ไม่พบข้อมูล
   
ประเภทของผลงาน วิทยานิพนธ์
แหล่งที่เก็บ
แหล่งที่เก็บข้อมูลโปรดระบุ(ชื่อ)
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่คณะพยาบาลศาสตร์
   
ปี 2544
บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการเจรจาต่อรอง รวมทั้งปัญหาและ อุปสรรคของการเจรจาต่อรองของหัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลประจำการ  โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ ประชากรเป็นหัวหน้าหอผู้ป่วยจำนวน 8 คนและพยาบาลประจำการจำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเป็นแบบสัมภาษณ์ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ข้อมูล ส่วนบุคคล แบบสัมภาษณ์การเจรจาต่อรองของหัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลประจำการที่สร้างขึ้น ตามแนวคิดของเรค และลอง (Reck & long, n.d., แปลโดย จารุประภา, 2542) และแบบ สัมภาษณ์ปัญหาและอุปสรรคในการเจรจาต่อรอง ซึ่งได้นำไปตรวจสอบหาความตรงตามเนื้อหา และหาค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา ได้ค่าความตรงกันของผู้ทรงคุณวุฒิเท่ากับ 0.90 และค่าดัชนี ความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 0.90 และหาความเที่ยงของแบบสัมภาษณ์หัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาล ประจำการ ได้ค่าแอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.94 และ 0.91 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการศึกษาพบว่า ค่าเฉลี่ยการเจรจาต่อรองของหัวหน้าหอผู้ป่วยโดยรวมอยู่ในระดับ มาก       (µ = 3.59, s= 0.88) เมื่อพิจารณาแต่ละขั้นตอนพบว่า ค่าเฉลี่ยการเจรจาต่อรองขั้นตอนการ สร้างสัมพันธภาพประสานประโยชน์ การสร้างข้อตกลงประสานประโยชน์ และการบำรุงรักษาการประสานประโยชน์อยู่ในระดับสูง (µ 4.00, 3.55 และ 3.91 s= 0.87, 0.69 และ 0.87 ตามลำดับ) ส่วนค่าเฉลี่ยขั้นตอนการวางแผนประสานประโยชน์อยู่ในระดับปานกลาง (µ 3.21, s= 0.75) ปัญหาและอุปสรรคในการเจรจาต่อรองของหัวหน้าหอผู้ป่วยที่พบมากที่สุดคือ การยึดจุดยืนของตนเองและทั้งสองฝ่ายไม่สามารถควบคุมอารมณ์

ส่วนพยาบาลประจำการพบว่ามีระดับการเจรจาต่อรองโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (µ 3.33, = 0.87) และทุกขั้นตอนอยู่ในระดับปานกลางทั้งหมด ปัญหาและอุปสรรคในการเจรจาต่อรองของพยาบาลประจำการที่พบมากที่สุดคือ การใช้เวลาในการเจรจาต่อรองไม่เหมาะสม และการที่รู้สึกว่าหัวหน้าหอผู้ป่วยมีอำนาจเหนือกว่า

ผลการศึกษาครั้งนี้สามารถนำไปสู่การพิจารณาในการเสริมสร้างทักษะในการเจรจาต่อรองของหัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลประจำการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

The purposes of this study were to study level of negotiation among head nurses and staff nurses in Kasemraj Sriburin Hospital, and to study problems and barriers regarding negotiation. The populations were 8 head nurses and 18 staff nurses. The instrument was a set of interview questionnaire developed by the researcher consisted of 3 parts: the demographic data form, the Negotiation of Head Nurses Scales (NHNS) and the Negotiation of Staff Nurses Scale (NSNS) using framework of Reck & Long (n.d, Jaruprapa trans, 1999), and the Problem and Barrier regarding Negotiation Checklist (PBNC). The interrater agreement of the instrument was 0.90 and the content validity index (CVI) was 0.90. The Cronbach's alpha coefficient of the NHNS and the NSNS were 0.94 and 0.91 respectively. Data were analyzed using frequency, percentage, mean and standard deviation. The result of the study indicated that the total mean score of negotiation of head nurses was at a high level (µ =3.59, s = 0.88). When considered by sub-scale, the mean scores of three subscales ะ win - win relationships, win - win agreements and win - win maintenance were at high levels (µ = 4.00, 3.55 and 3.91 ; s = 0.87, 0.69 and 0.87 respectively). The mean score of planning was at a moderate level

(µ =3.21, s = 0.75). The most frequent problems and barriers regarding negotiation of head nurses were being self-centered and both parties cannot emotion

                It was also found that the total mean score of negotiation of staff nurses was at a moderate level (µ =3.33, s = 0.87). and mean score of each subscale of  negotiation among  staff nurses were at moderate levels. The most frequent problems and barriers regarding negotiation of staff nurses were inappropriate time and feeling that head nurses were more powerful.

                The result of the study should be taken into consideration in enhancing skills in negotiation among  head nurses and staff nurses in order that they would be able to work better.

URL
วัตถุประสงค์

1. ศึกษาระดับการเจรจาต่อรองของหัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลประจำการ  โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ศรีบุรินทร์  โดยรวมและแต่ละขั้นตอน

2. ศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการเจรจาต่อรองของหัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลประจำการโรงพยาบาลเกษมราษฏร์ศรีบุรินทร์ 

 

   
ประชากร  
ประชากรขนาดประชากรกลุ่มตัวอย่างรายละเอียดขนาดกลุ่มตัวอย่างข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์การกำหนดขนาดตัวอย่างการเลือกตัวอย่างการเลือกตัวอย่างอื่นๆตัวอย่างที่สูญหายศึกษาประชากรไม่ระบุขนาดประชากรไม่ระบุกลุ่มตัวอย่าง
พยาบาลประจำการ18พยาบาลประจำการ/พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลเอกชน/มูลนิธิ 1818ไม่ระบุPurposive/ Judgmental Sampling 0
หัวหน้าและรองหัวหน้าหอผู้ป่วย8หัวหน้าหอผู้ป่วย/หัวหน้าเวร โรงพยาบาลอื่นๆ ระบุ 88ไม่ระบุPurposive/ Judgmental Sampling 0
   
สถานที่ทำวิจัย
ประเภทสถานที่ทำวิจัยสถานที่ทำวิจัย
โรงพยาบาลเอกชน โปรดระบุเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์
   
รูปแบบการวิจัย
รูปแบบงานวิจัย
แบบพรรณนา / แบบสำรวจ (บรรยาย)
   
วิธีการจัดกระทำ
ไม่มีวิธีการจัดกระทำ
   
เครื่องมือวิจัย  
ชนิดเครื่องมือที่มาของเครื่องมือค่าความตรงค่าความตรงของเครื่องมือวิจัยค่าความเที่ยงของเครื่องมือวิจัยต้นแบบค่าตัวชี้วัดคุณภาพ
แบบสอบถามพัฒนาขึ้นมาเอง  0.90 
แบบสัมภาษณ์พัฒนาขึ้นมาเอง  ไม่ระบุ 
จำนวนเครื่องมือวิจัยที่ใช้ 2 เครื่องมือ
   
ผ่าน IRB ได้ทำ
การขออนุญาตจากสังกัดของตัวอย่าง ได้ทำ
การขออนุญาตจากตัวอย่าง ได้ทำ
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล 14 วัน
   
วิธีการเก็บข้อมูล
วิธีการจัดเก็บข้อมูลอื่นๆโปรดระบุ
การสัมภาษณ์ 
   
สถิติที่ใช้
สถิติที่ใช้อื่นๆโปรดระบุ
สถิติบรรยาย 
   
ผลการศึกษา

ผลการศึกษา

1.              ข้อมูลส่วนบุคคล หัวหน้าหอผู้ป่วย และพยาบาลประจำการทั้งหมดเป็นเพศหญิง และมีวุฒิ

การศึกษาระดับปริญญาตรีทั้งหมด หัวหน้าหอผู้ป่วยเคยได้รับการอบรมเรื่องการเจรจาต่อรองร้อยละ 75 มีอายุ 40 ปีขึ้นไป  ระยะเวลาการปฏิบัติงานในตำแหน่งที่โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ศรีบุรินทร์มากกว่า 5 ปี ร้อยละ 50 มีประสบการณ์ในการเจรจาต่อรองกับพยาบาลประจำการ ในเรื่องการร่วมกิจกรรมของโรงพยาบาล การไปช่วยปฏิบัติงานในแผนกอื่น และการขอวันหยุดล่วงหน้าก่อนการจัดตารางเวรร้อยละ 100 ส่วนพยาบาลประจำการไม่เคยได้รับการอบรมด้านการเจรจาต่อรองร้อยละ 61.11 มีอายุระหว่าง 24 – 39 ปี และทั้งหมดมีอายุต่ำกว่า 40 ปี ระยะเวลาปฏิบัติงานในตำแหน่งที่โรงพยาบาลนี้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 2.01 – 3 ปี ร้อยละ 33.33 มีประสบการณ์ในการเจรจาต่อรองกับหัวหน้าหอผู้ป่วยในเรื่อง การขอเพิ่มอัตรากำลังที่เพียงพอสำหรับการปฏิบัติงานร้อยละ 88.89 การขอวันหยุดล่วงหน้าในการจัดตารางเวร ร้อยละ 83.33 และการแลกเวรร้อยละ 72.22

2.             การเจรจาต่อรองของหัวหน้าหอผู้ป่วยโดยรวมอยู่ในระดับมาก (m = 3.59 s = 0.88 ) เมื่อ

พิจารณาแต่ละขั้นตอนพบว่า การวางแผนการประสานประโยชน์อยู่ในระดับปานกลาง (m = 3.21, s = 0.75 )  ส่วนการสร้างสัมพันธภาพประสานประโยชน์ การสร้างข้อตกลงประสานประโยชน์ และการบำรุงรักษาการประสานประโยชน์ อยู่ในระดับมาก (m = 4.00 , 3.55 , 3.91 ;  s = 0.87, 0.69, 0.59 ตามลำดับ)

3.              การเจรจาต่อรองของพยาบาลประจำการโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (m = 3.33, s = 0.87)

เมื่อพิจารณาแต่ละขั้นตอนพบว่า การวางแผนการประสานประโยชน์ การสร้างสัมพันธภาพประสานประโยชน์ การสร้างข้อตกลงประสานประโยชน์ และการบำรุงรักษาการประสานประโยชน์อยู่ในระดับปานกลาง ทั้งหมด (m = 3.10 , 3.48 , 3.40 , 3.43 ;  s = 0.77 , 0.86, 0.87 , 0.96 ตามลำดับ)

4.              ปัญหาและอุปสรรคในการเจรจาต่อรองของพยาบาลประจำการพบมากที่สุด คือ การใช้เวลา

ในการเจรจาต่อรองไม่เหมาะสม ร้อยละ 61.11  และการที่รู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามมีอำนาจเหนือกว่าร้อยละ 50.00

ข้อจำกัดในวิจัย ไม่ระบุ
ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติการพยาบาล

1. ผู้ศึกษานำแนวคิดในกาเจรจาต่อรองของเรคและลอง (Reck & Long n.d. แปลโดยจารุประภา, 2542) ไปเผยแพร่ให้พยาบาลประจำการและหัวหน้าหอผู้ป่วยได้ทราบ  เพื่อตระหนักถึงความสำคัญและใช้ในการพัฒนาตนเองให้เป็นนักเจรจาต่อรองแบบยึดหลักคุณธรรม

 

ข้อเสนอแนะในการบริหารการพยาบาล 1. ผู้ศึกษาจะนำเสนอผู้บริหารการพยาบาลระดับสูงขึ้นไป  เพื่อนำผลการศึกษาในด้านที่ยังอยู่ในระดับปานกลางของหัวหน้าหอผู้ป่วย  และพยาบาลประจำการมาเป็นข้อมูลในการจัดอบรมพัฒนาการเจรจาต่อรองให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
ข้อเสนอแนะในด้านการวิจัย

1. ศึกษาการเจรจาต่อรองในผู้บริหารระดับกลางและระดับสูง  เพื่อติดตามผลการศึกษาต่อไป

2. ศึกษาการใช้กลวิ หรือกลยุทธ์ และผลสำเร็จในการเจรจาต่อรอง

3. ศึกษาการเจรจาต่อรองระหว่างพยาบาลกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ๆ

4. ศึกษาการเจรจาต่อรองของพยาบาลกับตัวแปรอื่นๆ เช่น  อำนาจ  วัฒนธรรม  จริยธรรม หรือบรรยากาศในองค์การ เป็นต้น 

ข้อเสนอแนะในด้านการศึกษา ไม่ระบุ
ข้อเสนอแนะในด้านอื่นๆ / ทั่วไป ไม่ระบุ
คำสำคัญ
   
Theme งานวิจัย  
ธีมหลักธีมย่อยชื่อแนวคิดไทยชื่อเจ้าของปี
Leaders and LeadershipNegotiation (การเจรจาต่อรอง)การเจรจาต่อรองReck & Long1985
   
Sig  
ไม่พบข้อมูล
   
 
    พิมพ์หน้านี้