จังหวัดหนองคายได้ดำเนินการโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2544 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีการประเมินผลกระทบของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าต่อการดำเนินงานด้านรักษาพยาบาล ภาระงาน แนวโน้มภาระงานด้านรักษาพยาบาลและความต้องการกำลังคนของสถานีอนามัย ในระดับจังหวัด ส่งผลกระทบให้องค์กรไม่ทราบถึงสถานการณ์ในการดำเนินงานด้านต่างๆ ตลอดจนปัญหา อุปสรรคและข้อจำกัดที่มีผลต่อโครงการ ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ศึกษาผลกระทบของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าต่อการดำเนินงานด้านรักษาพยาบาล ภาระงาน แนวโน้มภาระงานด้านรักษาพยาบาล และความต้องการกำลังคนของสถานีอนามัย จังหวัดหนองคาย มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านรักษาพยาบาล และเพื่อเปรียบเทียบภาระงานด้านรักษาพยาบาลของบุคลากรแนวโน้มภาระงานด้านรักษาพยาบาลของบุคลากร และความต้องการกำลังคนของสถานีอนามัยก่อน และหลังดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ของสถานีอนามัยในจังหวัดหนองคาย กลุ่มตัวอย่างเป็นสถานีอนามัยในจังหวัดหนองคาย จำนวน 50 แห่ง จำแนกเป็นสถานีอนามัยทั่วไป จำนวน 28 แห่ง และสถานีอนามัยที่เป็นแม่ข่ายศูนย์สุขภาพชุมชน (Primary Care Unit : PCU) จำนวน 22 แห่ง เก็บรวบรวมข้อมูลจำนวนผู้รับบริการด้านรักษาพยาบาลจากรายงานประจำเดือน รง.สปภ.02/1 และ 0110 รง.5 ของสถานีอนามัยเป็นข้อมูลปีงบประมาณ 2544 -2546 (ต.ค. 43 – ก.ย. 46)และเก็บข้อมูลระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2546 ถึงเดือนมกราคม 2547 โดยใช้แบบเก็บรวบรวมข้อมูลและแบบสอบถามข้อมูลผู้รับบริการด้านรักษาพยาบาลถ่วงน้ำหนักด้วยอัตราความต้องการบุคลากร ตามเกณฑ์มาตรฐานศูนย์สุขภาพชุมชน การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ฐานนิยม, ค่าต่ำที่สุด, ค่าสูงที่สุด, ค่าเฉลี่ย, ร้อยละ, t – test และ Linear Regression
ผลการวิจัยพบว่า สถานีอนามัยมีอัตรากำลังค่าเฉลี่ย 2.84 คน ผลการดำเนินงานด้านรักษาพยาบาลของสถานีอนามัยทั่วไปปี 2544 สูงกว่าปี 2545 (p<0.05) ผลการดำเนินงานด้านรักษาพยาบาลของสถานีอนามัยแม่ข่ายศูนย์สุขภาพชุมชนปี 2545 ต่ำกว่าปี 2546 (p<0.05) และผลการดำเนินงานภาพรวมของสถานีอนามัยปี 2544 สูงกว่าปี 2545 และปี 2545 ต่ำกว่าปี 2546 (p<0.05) ทั้งนี้ไม่พบความแตกต่างระหว่าสถานีอนามัยทั่วไปกับสถานีอนามัยแม่ข่าย นอกจากนี้ยังพบว่าภาระงานด้านรักษาพยาบาลของสถานีอนามัยทั่วไปในปี 2544 สูงกว่าปี 2545 และปี 2546อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) แนวโน้มภาระงานด้านรักษาพยาบาลของบุคลากรสถานีอนามัยพบว่าระหว่างปี 2544 – 2545 มีแนวโน้มลดลงระหว่างปี 2545 – 2546 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในสถานีอนามัยทุกประเภท (p<0.05) และสถานีอนามัยมีความต้องการอัตรากำลังเพิ่มจากจำนวนที่มีจริงในปี 2544 – 2546 โดยเฉลี่ยร้อยละ 114.73, 83.70 และ 115.45 ตามลำดับ
โดยสรุปโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีผลกระทบต่อจำนวนผู้รับบริการด้านรักษาพยาบาล และภาระงานของบุคลากรสถานีอนามัย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อให้การบริการของสถานีอนามัยมีคุณภาพและมาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนด จำเป็นต้องมีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรสถานีอนามัยทั้งด้านปริมาณ ความรู้ความสามารถ ให้สอดคล้องกับภาระหน้าที่รับผิดชอบของสถานีอนามัยและนโยบายด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น
|