การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย
เพื่อศึกษา 1) ความสามารถในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ
โรงพยาบาลชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2)
ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลด้านอายุ
และประสบการณ์การทำงาน
คุณลักษณะของงาน
การได้รับการเสริมสร้างพลังอำนาจในงาน
กับความสามารถในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลชุมชน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3) ตัวแปรที่สามารถร่วมกันทำนายความสามารถในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ
โรงพยาบาลชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มตัวอย่าง คือ พยาบาลวิชาชีพจำนวน 314 คน
ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ
แบบสอบถามคุณลักษณะของงาน แบบสอบถามการได้รับการเสริมสร้างพลังอำนาจในงาน
และแบบสอบถามความสามารถในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ
ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา
และหาความเที่ยงโดยใช้วิธีสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค
ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ .76, .94 และ .96
ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบเพิ่มตัวแปร
เป็นขั้นตอน
ผลการวิจัยพบว่า
1.
พยาบาลวิชาชีพมีความสามารถในการปฏิบัติงาน
อยู่ในระดับดี (
= 3.87)
2.
ปัจจัยส่วนบุคคลด้านอายุ และประสบการณ์การทำงาน
ไม่มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการ
ปฏิบัติงานของพยาบาวิชาชีพ
3.
คุณลักษณะของงานและการได้รับการเสริมสร้างพลังอำนาจในงานมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปาน
กลางกับความสามารถในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01( r = .410 และ .392 ตามลำดับ)
4.
ตัวแปรพยากรณ์ที่สามารถร่วมกันทำนายความสามารถในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 คือ ตัวแปรการได้รับการเสริมสร้างพลังอำนาจด้านการได้รับอำนาจ
ตัวแปรคุณลักษณะของงานด้านความสำคัญของงาน และความมีเอกลักษณ์ของงานโดยสามารถร่วมกันทำนายความแปรปรวนของความสามารถในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพได้ร้อยละ
24.5 ( R 2 = .245) ได้สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน ดังนี้
Z ความสามารถในการปฏิบัติงานของพยาบาล = .295* Zการได้รับอำนาจ + .297** ความสำคัญของงาน+.121*Z ความมีเอกลักษณ์ของงาน
|