รายละเอียดข้อมูลวิจัย

ลำดับที่ 4441
ผู้กรอกข้อมูล อรอนงค์ วิชัยคำ
วันที่กรอกข้อมูล 27/8/2553
ชื่อเรื่องไทย ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ภาวะผู้นำบารมีของหัวหน้าหอผู้ป่วย ความก้าวหน้าในอาชีพ กับความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการ โรงพยาบาลชุมชน
ชื่อเรื่องอังกฤษ RELATIONSHIPS BETWEEN PERSONAL FACTORS CHARISMATIC LEADERSHIP OF HEAD NURSES CAREER ADVANCEMENT AND ORGANIZATIONAL LOYALTY OF STAFF NURSES COMMUNITY HOSPITALS
ชื่อผู้วิจัยหลัก ชะธิณยา หล้าสุวงษ์
   
ชื่อผู้วิจัยร่วม
ผู้ร่วมวิจัย
พวงเพ็ญ ชุณหปราณ
สังกัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
   
แหล่งทุน
ไม่พบข้อมูล
   
ประเภทของผลงาน วิทยานิพนธ์
แหล่งที่เก็บ
แหล่งที่เก็บข้อมูลโปรดระบุ(ชื่อ)
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
   
ปี 2545
บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการ โรงพยาบาลชุมชน และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล  ภาวะผู้นำบารมีของหัวหน้าหอผู้ป่วย  ความก้าวหน้าในอาชีพ  กับความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการ  โรงพยาบาลชุมชน  กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลประจำการ  โรงพยาบาลชุมชน จำนวน   385 คน ได้จากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม 1 ชุด ประกอบด้วย  3 ตอน คือ แบบสอบถามภาวะผู้นำบารมีของหัวหน้าหอผู้ป่วย ความก้าวหน้าในอาชีพของพยาบาลประจำการ และความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการ ได้รับการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน  5 ท่าน และวิเคราะห์ค่าความเที่ยงของแบบสอบถามโดยหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค มีค่าเท่ากับ  .98 .91 และ  .92 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าสัมประสิทธิ์การณ์จร  สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน  และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน

            ผลการวิจัยพบว่า

1.      ความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการ โรงพยาบาลชุมชน อยู่ในระดับสูง ( *  = 3.87)

2.      ปัจจัยส่วนบุคคลด้านสถานภาพสมรส  มีความสัมพันธ์กับความจงรักภักดีต่อองค์การ อย่างมี

นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (C = .18, p = .04) ส่วนอายุ ระดับการศึกษา และระยะเวลาในการปฏิบัติงานไม่มีความสัมพันธ์กับความจงรักภักดีต่อองค์การ

            3.  ภาวะผู้นำบารมีของหัวหน้าหอผู้ป่วย มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ( r = .38)

            4.  ความก้าวหน้าในอาชีพมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ( r =.69)

            5. ตัวแปรที่ร่วมพยากรณ์ความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการ ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 คือความก้าวหน้าในอาชีพ สถานภาพสมรสคู่  ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน และการศึกษาระดับปริญญาตรี สามารถร่วมกันพยากรณ์ความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการได้ร้อยละ  51.2 ( R 2 = .512) ได้สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐานดังนี้

            ความจงรักภักดีต่อองค์การ =.69 ( ความก้าวหน้าในอาชีพ ) + .13 (สถานภาพสมรสคู่) +.11

                        (ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน) + .07 (การศึกษาระดับปริญญาตรี)

 

URL
วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการ โรงพยาบาลชุมชน และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล  ภาวะผู้นำบารมีของหัวหน้าหอผู้ป่วย  ความก้าวหน้าในอาชีพ  กับความจงรักภักดีต่อองค์การของพยาบาลประจำการ  โรงพยาบาลชุมชน
 
    พิมพ์หน้านี้