รายละเอียดข้อมูลวิจัย

ลำดับที่ 1354
ผู้กรอกข้อมูล Wipada Kunaviktikul
วันที่กรอกข้อมูล 8/9/2553
ชื่อเรื่องไทย ประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมในการบริหารงานของหัวหน้าหอผู้ป่วยโรงพยาบาลทั่วไป ภาคใต้
ชื่อเรื่องอังกฤษ Ethical Dilemmas in Nursing Administration of Head Nurses in General Hospitals, Southern Thailand
ชื่อผู้วิจัยหลัก ทัศนา หิรัญสาย
   
ชื่อผู้วิจัยร่วม
ไม่พบข้อมูล
สังกัด มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
   
แหล่งทุน
ไม่พบข้อมูล
   
ประเภทของผลงาน วิทยานิพนธ์
แหล่งที่เก็บ
แหล่งที่เก็บข้อมูลโปรดระบุ(ชื่อ)
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 
   
ปี 2550
บทคัดย่อ  

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความถี่และความสำคัญของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรม ในการบริหารงานของหัวหน้าหอผู้ป่วยโรงพยาบาลทั่วไป ภาคใต้ กลุ่มตัวอย่าง    คือ    หัวหน้าหอผู้ป่วยที่ปฏิบัติงานบริหารในโรงพยาบาลทั่วไป ภาคใต้    ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคน จำนวน 123 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนที่ 2 ความถี่ของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรม และความสำคัญของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรม ในการบริหารงานของหัวหน้าหอผู้ป่วย ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงของเนื้อหา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ทดสอบความเที่ยงโดยใช้สัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค   ได้ค่าความเที่ยงของแบบสอบถามส่วนที่ 2 คือ ความถี่ของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมเท่ากับ 0.98 ความสำคัญของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมเท่ากับ 0.95 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

                ผลการวิจัย พบว่าหัวหน้าหอผู้ป่วยโรงพยาบาลทั่วไป ภาคใต้ มีค่าเฉลี่ยความถี่ของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมในการบริหารงาน โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( = 2.54, SD = 1.06) เมื่อจำแนกเป็นรายขั้นตอนในการบริหารงาน พบว่าทุกขั้นตอนมีค่าเฉลี่ยความถี่อยู่ในระดับปานกลาง โดยขั้นตอนวางแผน  มีค่าเฉลี่ยความถี่ของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรม   ในการบริหารมากที่สุด ( = 3.13, SD = 1.02)   รองลงมา  คือ การจัดองค์การ ( = 2.69, SD = 1.03) การนำ ( = 2.33, SD = 1.11) และการควบคุม ( = 2.00, SD = 1.07) ตามลำดับ ส่วนความสำคัญของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมในการบริหารงาน มีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.63, SD = 0.84) และเมื่อจำแนกเป็นรายขั้นตอนในการบริหารงาน พบว่าทุกขั้นตอนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยขั้นตอนวางแผนมีค่าเฉลี่ยความสำคัญของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมในการบริหารงานมากที่สุด ( = 3.85, SD = 0.65)   รองลงมา  คือ  การจัดองค์การ ( = 3.72, SD = 0.75) การควบคุม ( = 3.50, SD = 1.0) และการนำ ( = 3.44, SD = 0.92) ตามลำดับ

                ค่าเฉลี่ยความถี่ และความสำคัญของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรม 5 อันดับแรก   คือ ต้องการวางแผนจัดหาบุคลากรเพิ่ม เพื่อการทำงานที่มีคุณภาพ แต่ก็ไม่ต้องการขัดกับนโยบายของโรงพยาบาลที่ต้องการประหยัดงบประมาณ (ความถี่:  = 3.67, SD = 1.26; ความสำคัญ:  = 4.20, SD = 0.84) ต้องการวางแผนประหยัดทรัพยากรที่มีจำกัดให้แก่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่ต้องการขัดกับความต้องการในการใช้ทรัพยากรอย่างเพียงพอของบุคลากร   (ความถี่:  = 3.54, SD = 1.18; ความสำคัญ:  = 3.97, SD = 0.85) ต้องการวางแผนพัฒนาบุคลากรโดยให้ลาศึกษาต่อ แต่ก็เกรงว่าอัตรากำลังจะไม่พอต่อการทำงานที่มีคุณภาพ  (ความถี่:  = 3.28, SD = 1.32; ความสำคัญ:  = 3.97, SD = 0.98) มีการวางแผนด้านงบประมาณในหน่วยงาน เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการ แต่ไม่มีอำนาจในการเจรจาต่อรองด้านงบประมาณ (ความถี่:  = 3.17, SD = 1.31; ความสำคัญ:  = 3.80, SD = 1.02) ต้องการกำหนดแนวปฏิบัติให้สำรองอุปกรณ์ที่มีอยู่จำกัดสำหรับหอผู้ป่วย แต่ก็เกรงว่าจะมีปัญหากับหน่วยงานอื่นที่ต้องการยืมอุปกรณ์ดังกล่าว เพื่อการดูแลผู้ป่วยทีดี (ความถี่:  = 2.99, SD = 1.43; ความสำคัญ:  = 3.58, SD = 1.09)

                ผลการศึกษาครั้งนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้บริหาร ที่จะนำข้อมูลเกี่ยวกับความถี่และความสำคัญของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรม มาเป็นแนวทางแก้ไขประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมในการบริหารงาน และเป็นพื้นฐานสำหรับการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เกี่ยวกับการตัดสินใจเชิงจริยธรรมในการบริหารงาน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับบริการและองค์การ

URL
วัตถุประสงค์  เพื่อศึกษาความถี่และความสำคัญของประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรม ในการบริหารงานของหัวหน้าหอผู้ป่วยโรงพยาบาลทั่วไป ภาคใต้
 
    พิมพ์หน้านี้