รายละเอียดข้อมูลวิจัย

ลำดับที่ 1355
ผู้กรอกข้อมูล Wipada Kunaviktikul
วันที่กรอกข้อมูล 8/9/2553
ชื่อเรื่องไทย การจัดการของหัวหน้าหอผู้ป่วยในการปกปิดความลับผู้ป่วย ขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิและตติยภูมิ จังหวัดสงขลา
ชื่อเรื่องอังกฤษ Head Nurses’ Management in Maintaining Confidentiality of Hospitalized Patients in Secondary and Tertiary Hospitals, Songkhla Province
ชื่อผู้วิจัยหลัก ภมร แช่มรักษา
   
ชื่อผู้วิจัยร่วม
ไม่พบข้อมูล
สังกัด มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
   
แหล่งทุน
ไม่พบข้อมูล
   
ประเภทของผลงาน วิทยานิพนธ์
แหล่งที่เก็บ
แหล่งที่เก็บข้อมูลโปรดระบุ(ชื่อ)
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 
   
ปี 2550
บทคัดย่อ  

การวิจัยเชิงบรรยายนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการของหัวหน้าหอผู้ป่วยในการปกปิดความลับผู้ป่วย ขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิและตติยภูมิ จังหวัดสงขลา โดยประชากรกลุ่มเป้าหมาย คือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหอผู้ป่วยและมีประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหอผู้ป่วยอย่างน้อย 1 ปี จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล และส่วนที่ 2) แบบสอบถามเกี่ยวกับ การจัดการในการปกปิดความลับผู้ป่วยตามวงจรเดมมิ่ง    (ระดับการจัดการ 0 - 5) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจากการทบทวนเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการปกปิดความลับ   และการจัดการตามวงจรเดมมิ่งอัน ได้แก่ การวางแผน การปฏิบัติ การตรวจสอบ และการดำเนินการให้เหมาะสม ผ่านการตรวจสอบความตรงของเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน และหาความเที่ยงของเครื่องมือโดยคำนวณหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) ของแบบสอบถามส่วนที่ 2 ได้ค่าความเที่ยง 0.94 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ และหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีการจัดการโดยรวม ในการปกปิดความลับผู้ป่วยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.0, SD = 1.14) และเมื่อแจกแจงตามขั้นตอน พบว่าขั้นปฏิบัติ  อยู่ในระดับมาก ( = 3.78, SD = 0.96)        ส่วนขั้นอื่นการจัดการอยู่ในระดับปานกลาง คือ ขั้นตรวจสอบ ( = 2.98, SD = 1.25) ขั้นวางแผน ( = 2.70, SD = 1.31) กำหนดแนวปฏิบัติการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์เพื่อรักษาความลับผู้ป่วย ( = 3.62, SD = 1.58)

เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่าค่าเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรก ขั้นวางแผนอยู่ในระดับมาก ได้แก่ จัดเตรียมสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการอภิปราย/ปรึกษาหารือ เพื่อวางแผนการดูแลผู้ป่วยที่มีโอกาสพาดพิงถึงข้อมูลที่เป็นความลับ ( = 3.84, SD = 1.38) กำหนดแนวปฏิบัติการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์เพื่อรักษาความลับผู้ป่วย ( = 3.62, SD = 1.58)

ค่าเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรก ขั้นปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษต่อกลุ่มผู้ป่วยที่มีโอกาสสูงต่อการถูกเปิดเผยความลับ เช่น ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยคดี ผู้ป่วยโดนข่มขืน ( = 4.40, SD = 0.93) ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย ( = 4.31, SD = 1.16)

ค่าเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรก ขั้นตรวจสอบอยู่ในระดับมาก ได้แก่ สังเกตพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยความลับผู้ป่วยของบุคลากรในหอผู้ป่วยในการสนทนากับ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่เป็นความลับผู้ป่วย ( = 3.85, SD = 1.14) สังเกตพฤติกรรมของบุคลากรในหอผู้ป่วยที่อาจทำให้ความลับผู้ป่วยถูกเปิดเผยในการให้ข้อมูลของผู้ป่วยทางโทรศัพท์แก่ผู้อื่น ( = 3.66, SD = 1.30) และค่าเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรก ขั้นดำเนินการให้เหมาะสมอยู่ในระดับปานกลาง ได้แก่ นำผลการประเมินมากำหนด/ปรับปรุงแนวทางในการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ เพื่อรักษาความลับผู้ป่วย ( = 3.0, SD = 1.77) นำผลการประเมินมากำหนด/ปรับปรุงแนวทางในการรับ-ส่ง เพื่อป้องกันความลับผู้ป่วยถูกเปิดเผย ( = 2.90, SD = 1.75)

ผลการศึกษาในครั้งนี้ สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการกำหนดแนวทางการจัดการของหัวหน้าหอผู้ป่วยในการปกปิดความลับผู้ป่วย ขณะพักรักษาในโรงพยาบาลต่อไป

 

URL
วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการจัดการของหัวหน้าหอผู้ป่วยในการปกปิดความลับผู้ป่วย ขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิและตติยภูมิ จังหวัดสงขลา
 
    พิมพ์หน้านี้