บทคัดย่อ
|
การวิจัยเชิงบรรยายครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบระดับอุปนิสัยการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์ของหัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลวิชาชีพ
โรงพยาบาลชุมชนในสถานการณ์ความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 196 คน ปฏิบัติงานในตำแหน่งหัวหน้าหอผู้ป่วย
98 คน และพยาบาลวิชาชีพ 98 คน
เครื่องมือที่ใช้ ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป และ 2) แบบสอบถามอุปนิสัยการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์
ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นจากการประยุกต์แนวคิดอุปนิสัยการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์ของโควี่
(Covey, 1989) และผ่านการตรวจสอบความตรงของเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ
3 ท่าน
และตรวจสอบความเที่ยงโดยใช้สัมประสิทธิ์แอลฟ่าของ ครอนบาค
ได้ค่าความเที่ยงของแบบสอบถามอุปนิสัยการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์ เท่ากับ .96
วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติค่าทีอิสระ ผลการศึกษา พบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างหัวหน้าหอผู้ป่วย
มีค่าเฉลี่ยอุปนิสัยการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์โดยรวมอยู่ในระดับสูง (M = 2.90
, SD = .43) เมื่อพิจารณาแต่ละองค์ประกอบพบว่า หัวหน้าหอผู้ป่วย
มีอุปนิสัยการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์ทุกองค์ประกอบ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง 2) กลุ่มตัวอย่างพยาบาลวิชาชีพ
มีค่าเฉลี่ยอุปนิสัยการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์โดยรวมอยู่ในระดับสูง (M =
2.71 , SD = .45) เมื่อพิจารณาแต่ละองค์ประกอบพบว่า
ด้านการสื่อสารแบบรวมพลังอย่างสร้างสรรค์ (M =2.83, SD = .52) และด้านการให้คุณค่าความแตกต่าง
(M = 2.82, SD = .45) มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงตามลำดับ
ส่วนด้านการแสวงหาทางเลือกที่สาม (M = 2.49 , SD = .61)
มีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับปานกลาง 3)
ค่าเฉลี่ยอุปนิสัยการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์ของหัวหน้าหอผู้ป่วยสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุปนิสัยของพยาบาลวิชาชีพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ในด้านการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์โดยรวม (p < .01) ด้ารนการสื่อสารแบบรวมพลังอย่างสร้างสรรค์
( p < .01) และด้านการแสวงหาทางเลือกที่สาม (p
< .001)
ผลการวิจัยครั้งนี้
สามารถนำข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาอุปนิสัยการรวมพลังอย่างสร้างสรรค์ของหัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลวิชาชีพในอนาคต
|