การวิจัยนี้
มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเวลาและกิจกรรมการพยาบาลทางตรงและทางอ้อม ของบุคลากรทางการพยาบาลที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยและห้องผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลสุโขทัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา แบ่งเป็น 2
กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ได้แก่ ผู้ป่วยที่เข้าพักรักษาตัวในหอผู้ป่วยและห้องผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลสุโขทัย ระหว่างวันที่ 9 – 29 สิงหาคม
2547 ที่ได้รับการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นและการสุ่มอย่างง่าย ตามระดับความรุนแรงของการเจ็บป่วย
ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 995 ราย เป็นผู้ป่วยใน 911 ราย ผู้ป่วยหนัก 84 ราย กลุ่มที่ 2 ได้แก่ บุคลากรทางการพยาบาลที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยและงานห้องผู้ป่วยหนัก
โรงพยาบาลสุโขทัย ทั้งหมดที่ขึ้นปฏิบัติงานตามตารางวันและเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 875 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย
คู่มือการจำแนกประเภทผู้ป่วยใน คู่มือการจำแนกประเภทผู้ป่วยหนัก แบบสังเกตเวลาและกิจกรรมการพยาบาลทางตรงที่ผู้ป่วยแต่ละประเภทต้องการและได้รับ
และแบบบันทึกเวลาและกิจกรรมการพยาบาลทางอ้อมของบุคลากรทางการพยาบาลทุกประเภท
ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาและทดสอบความเที่ยงของเครื่องมือ ก่อนนำไปใช้จริง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Excel และ SPSS for Windows
ผลการวิจัยพบว่า
1.
ปริมาณเวลาที่ผู้ป่วยในประเภทที่ 1 , 2, 3 และ 4
ได้รับการพยาบาลทางตรงจากบุคลากรทางการ
พยาบาล
เฉลี่ย 7.77 , 4.86, 2.93 และ 1.68
ชั่วโมงต่อวัน ตามลำดับ
2.
ปริมาณเวลาที่ผู้ป่วยหนักประเภทที่ 1 , 2 , 3 และ 4
ได้รับการพยาบาลทางตรงจากบุคลากรทางการ
พยาบาลเฉลี่ย
21.60 , 12.40 , 8.18 และ 5.33 ชั่วโมงต่อวัน ตามลำดับ
3.
ปริมาณเวลาที่บุคลากรทางการพยาบาลทุกประเภทปฏิบัติกิจกรรมการพยาบาลทางอ้อม
ในเวรเช้า ,
เวรบ่าย
และเวรดึก เฉลี่ย 292.28, 257.40 และ
219.12 นาที ตามลำดับ
4.
ผลการคำนวณชั่วโมงความต้องการการพยาบาลเฉลี่ยต่อวันผู้ป่วยนอนของผู้ป่วยใน
ประเภทที่ 1,2,3
และ
4 เท่ากับ 10.62 , 7.70 , 5.78 และ 4.53 ตามลำดับ
5.
ผลการคำนวณชั่วโมงความต้องการพยาบาลพยาบาลเฉลี่ยต่อวันผู้ป่วยนอนของผู้ป่วยหนัก ประเภทที่ 1,2,3 และ 4 เท่ากับ 24.44, 15.24,
11.02 และ 8.17 ตามลำดับ
ผลการวิจัยครั้งนี้
ผู้บริหารการพยาบาลได้นำไปกำหนดเป็นพันธกิจของกลุ่มการพยาบาล
และจัดทำเป็นแผนยุทธศาสตร์ นำไปสู่แผนปฏิบัติการประจำปี ที่สามารถปฏิบัติได้จริง รวมทั้งผู้บริหารโรงพยาบาล
สามารถนำไปเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายด้านการบริหารอัตรากำลังของบุคลากรทางการพยาบาล
ให้ตอบสนองต่อภารกิจของโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
|