ความเป็นมา : วัณโรคเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย
อุบัติการและความชุกของวัณโรคเพิ่มขึ้น มีการกลับมาระบาดอีกระลอกหนึ่ง (re-emerging)
วัณโรคเป็น 1 ใน 9 โรคติดต่อที่เป็นปัญหาต้องเร่งรัด
โดยมีการขยายงาน DOTS ให้ครอบคลุม ใช้กลยุทธ์ DOTS ในระบบการรักษาผู้ป่วยวัณโรคเพื่อให้อัตรารักษาหายดีขึ้น ลดการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค
และลดอัตราการเกิดวัณโรคดื้อยา
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลการรักษาระหว่างผู้ป่วยวัณโรคที่ได้รับการวางแผนจำหน่าย
และผู้ป่วยวัณโรคที่ไม่ได้รับการวางแผนจำหน่ายโดยกลยุทธ์ DOTS
รูปแบบการศึกษา : การศึกษาแบบติดตาม
สถานที่ศึกษา : โรงพยาบาลลำพูน
วิธีการศึกษา : ศึกษาผู้ป่วยวัณโรคที่ขึ้นทะเบียนการรักษาของโรงพยาบาลลำพูนจำนวน
90 ราย จัดผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่มตามลักษณะการวางแผนจำหน่าย
คือ ผู้ป่วยปีปัจจุบันที่ได้รับการวางแผนจำหน่ายโดยใช้กลยุทธ์ DOTS 46 ราย และผู้ป่วยในปีก่อนที่ไม่ได้รับการวางแผนจำหน่ายโดยใช้กลยุทธ์ DOTS
44 ราย ติดตามประเมินผลการรักษาจากแบบบันทึกผู้ป่วย วิเคราะห์เปรียบเทียบกลุ่มด้วย
exact probability test และวิเคราะห์ลักษณะที่เพิ่มโอกาสให้การรักษาประสบผลสำเร็จด้วย
odds ratio และช่วงความเชื่อมั่น 95%
ผลการศึกษา : ผู้ป่วยที่ได้รับการวางแผนจำหน่ายโดยใช้กลยุทธ์
DOTS และไม่ได้รับการวางแผนจำหน่ายโดยใช้กลยุทธ์ DOTS
มีลักษณะทั่วไปและสูตรยาที่ใช้ในการรักษาไม่แตกต่างกัน ผู้ป่วยที่ได้รับการวางแผนจำหน่ายโดยใช้กลยุทธ์
DOTS มีผลการรักษาหายร้อยละ 97.8 ตายร้อยละ
2.2 และไม่มีผู้ที่ขาดการรักษา เปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการวางแผนจำหน่ายโดยใช้กลยุทธ์
DOTS ซึ่งมีผลการรักษาหายร้อยละ 61.4 ตายร้อยละ
4.6 และขาดการรักษาร้อยละ 34.1 (p < 0.001) ลักษณะที่เพิ่มโอกาสให้การรักษาประสบผลสำเร็จ ได้แก่ การได้รับการวางแผนจำหน่ายโดยใช้กลยุทธ์
DOTS (p < 0.001) ได้รับการรักษาระยะเข้มข้นตั้งแต่ 8
สัปดาห์ขึ้นไป (p = 0.003) และได้รับการรักษาระยะต่อเนื่องตั้งแต่
16 สัปดาห์ขึ้นไป (p = 0.009)
สรุป : การวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยวัณโรคโดยใช้กลยุทธ์
DOTS ทำให้อัตรารักษาหายเพิ่มขึ้น อัตราตายลดลง
และไม่มีผู้ป่วยขาดการรักษา กลยุทธ์ DOTS จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบการรักษาผู้ป่วยวัณโรค
บุคลากรที่เกี่ยวข้องจึงควรตระหนักถึงความสำคัญของกลยุทธ์ DOTS เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยวัณโรคประสบผลสำเร็จได้
|