การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแบบของผู้นำและความสามารถในการบริหารงาน ตามการรับรู้ของหัวหน้าหอผู้ป่วยโรงพยาบาลศูนย์ กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มตัวอย่าง คือหัวหน้าหอผู้ป่วย จำนวน 284 คน ซึ่งปฏิบัติงานในตำแหน่งนี้มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยวิธีการจับฉลากโรงพยาบาลศูนย์ทั้งหมด 9 เขต เขตละ 1 โรงพยาบาล รวม 9 โรงพยาบาล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล แบบประเมินภาวะผู้นำ ซึ่งแปลโดย อุทัย หิรัญโต และแบบประเมินความสามารถในการบริหารงาน ซึ่งผู้วิจัยได้สร้างขึ้น ตรวจสอบคามตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน และทดสอบความเชื่อมั่นโดยวิธีสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาคได้ค่าความเชื่อมั่น .91 เก็บรวบรวมข้อมูลทางไปรษณีย์ได้รับแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์จำนวน 225 ฉบับ ร้อยละ 84 วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและไคสแควร์
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบของผู้นำส่วนใหญ่เป็นผู้นำประสิทธิภาพสูง ร้อยละ 56.5 ที่เหลือเป็นผู้นำประสิทธิภาพต่ำ ร้อยละ 43.5 โดยแบบผู้นำประสิทธิภาพสูง ประกอบด้วย นักพัฒนา ผู้ยึดระเบียบ นักบริหารและผู้เผด็จการอย่างมีศิลปะ ร้อยละ 74.0, 15.0 , 7.1, และ 3.9 ตามลำดับ ส่วนแบบผู้นำประสิทธิภาพต่ำประกอบด้วย นักบุญ ผู้ละทิ้ง ผู้ประนีประนอม และผู้เผด็จการ ร้อยละ 57.1, 28.6,8.2 และ 6.1 ตามลำดับ
2. ระดับความสามารถในการบริหารงาน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความสามารถในการบริหารงานโดยรวมอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 77.8 ที่เหลืออยู่ระดับปานกลาง ร้อยละ 22.2 ส่วนความสามารถในการบริหารงานแต่ละด้าน พบว่าด้านการวางแผน มีความสามารถในระดับสูง ร้อยละ 55.9 การจัดองค์การมีความสามารถในระดับสูง ร้อยละ 78.7 การจัดบุคลากร มีความสามารถในระดับสูง ร้อยละ 76.9 การอำนวยการ มีความสามารถระดับสูง ร้อยละ 80.0 และการควบคุม มีความสามารถในระดับสูง ร้อยละ 76.7
3. เปรียบเทียบระหว่างแบบของผู้นำกับความสามารถในการบริหารงาน
3.1 เปรียบเทียบระหว่างผู้นำประสิทธิภาพต่ำและผู้นำประสิทธิภาพสูงกับความสามารถในการบริหารงานโดยรวม พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p < .05 แต่เมื่อเปรียบเทียบระหว่างผู้นำแต่ละแบบกับความสามารถในการบริหารงานโดยรวม พบว่าไม่แตกต่างกัน
3.2 เปรียบเทียบระหว่างผู้นำประสิทธิภาพต่ำ ผู้นำประสิทธิภาพสูง และผู้นำแต่ละแบบกับความสามารถในการบริหารงานด้านการวางแผน พบว่า ไม่แตกต่างกัน
3.3 เปรียบเทียบระหว่างผู้นำประสิทธิภาพต่ำ ผู้นำประสิทธิภาพสูง และผู้นำแต่ละแบบกับความสามารถในการบริหารงานด้านการจัดการ พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p < .01, p <.05 ตามลำดับ
3.4 เปรียบเทียบระหว่างประสิทธิภาพต่ำ ผู้นำประสิทธิภาพสูง และผู้นำแต่ละแบบกับความสามารถในการบริหารงานด้านการจัดการบุคลากร พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p <01 แต่เมื่อเปรียบเทียบระหว่างผู้นำแต่ละแบบ กับความสามารถในการบริหารงานด้านการจัดบุคากร พบว่าไม่แตกต่างกัน
3.5 เปรียบเทียบระหว่างผู้นำต่ำ ผู้นำประสิทธิภาพสูง และผู้นำแต่ละแบบกับความสามารถในการบริหารงานด้านการอำนวยการ พบว่าแตกต่างกัน อย่างนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p <.01, p < .01 ตามลำดับ
3.6 เปรียบเทียบผู้นำต่ำ ผู้นำประสิทธิภาพสูง และผู้นำแต่ละแบบกับความสามารถในการบริหารงานด้านการควบคุม พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p<.01 , p <.01 ตามลำดับ
|