รายละเอียดข้อมูลวิจัย

ลำดับที่ 8076
ผู้กรอกข้อมูล โสภาพร พันธุลาวัณย์
วันที่กรอกข้อมูล 15/11/2553
ชื่อเรื่องไทย ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล เจตคติต่อวิชาชีพ ค่านิยมต่อวิชาชีพ กับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วย ของพยาบาลวิชาชีพ งานผู้ป่วยใน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เขต 2
ชื่อเรื่องอังกฤษ Relationship between personal factors, attitude toward nursing profession and professional nursing values with nursing practice regarding patient advocacy of professional nurses, inpatient department, regional hospital and medical centers, region 2
ชื่อผู้วิจัยหลัก รัชนี สินะสนธิ
   
ชื่อผู้วิจัยร่วม
ไม่พบข้อมูล
สังกัด สถาบันพระบรมราชชนก วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี
   
แหล่งทุน
แหล่งทุนโปรดระบุ(ชื่อ)
แหล่งทุนจากหน่วยงานในประเทศ (แหล่งทุนจากต้นสังกัด)โปรดระบุวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี
   
ประเภทของผลงาน รายงานวิจัย
แหล่งที่เก็บ
แหล่งที่เก็บข้อมูลโปรดระบุ(ชื่อ)
สถาบันพระบรมราชชนกวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พะเยา
   
ปี 2543
บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล เจตคติต่อวิชาชีพ ค่านิยมต่อวิชาชีพ กับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วย ของพยาบาลวิชาชีพ งานผู้ป่วยใน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เขต 2 กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพ งานผู้ป่วยใน จำนวน 304 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล แบบวัดเจตคติต่อวิชาชีพ แบบวัดค่านิยมต่อวิชาชีพ และแบบวัดการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วย เครื่องมือทุกชุดผ่านการทดสอบความตรงตามเนื้อหาและความเที่ยงแล้ว วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธ์การถดถอยแบบขั้นตอนพหุคูณของตัวแปรแต่ละตัว

ผลการวิจัยพบว่า

1.   ระดับเจตคติต่อวิชาชีพอยู่ในระดับปานกลาง

2.   ระดับค่านิยมต่อวิชาชีพอยู่ในระดับปานกลาง

3.   ระดับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพ อยู่ในระดับดี

4.   อายุ ประสบการณ์การทำงาน การได้รับการศึกษาอบรมเกี่ยวกับสิทธิผู้ป่วย เจตคติต่อวิชาชีพ ค่านิยมต่อวิชาชีพ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ส่วนระดับการศึกษา ไม่มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

5.   กลุ่มตัวแปรที่สามารถร่วมกันพยากรณ์การปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ได้แก่ ค่านิยม การได้รับการศึกษาอบรมเกี่ยวกับสิทธิผู้ป่วย และเจตคติต่อวิชาชีพ ซึ่งสามารถร่วมกันพยากรณ์ได้ร้อยละ 26.9 (R2 = 0.269)

สมการพยากรณ์เป็นดังนี้

Z = 0.399 + ค่านิยมต่อวิชาชีพ + 0.221 การศึกษาอบรมเกี่ยวกับสิทธิผู้ป่วย + 0.132 เจตคติต่อวิชาชีพ
URL
วัตถุประสงค์

1. เพื่อศึกษาระดับเจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาล ของพยาบาลวิชาชีพ งานผู้ป่วยใน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เขต 2

2. เพื่อศึกษาระดับค่านิยมต่อวิชาชีพการพยาบาล ของพยาบาลวิชาชีพ งานผู้ป่วยใน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เขต 2

3. เพื่อศึกษาระดับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วย ของพยาบาลวิชาชีพ งานผู้ป่วยใน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เขต 2

4. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล เจตคติต่อวิชาชีพ ค่านิยมต่อวิชาชีพกับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วย ของพยาบาลวิชาชีพ งานผู้ป่วยใน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เขต 2

5. เพื่อศึกษาตัวแปรพยากรณ์ที่ร่วมกันทำนายการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ป่วย ของพยาบาลวิชาชีพ งานผู้ป่วยใน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เขต 2

 
    พิมพ์หน้านี้