การศึกษาการพัฒนาแบบบันทึกทางการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบบันทึกทางการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต หน่วยช่วยฉุกเฉินระยะวิกฤต แผนกฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามาธิบดีทางด้านความรวดเร็วในการบันทึกทางการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤตภายหลังสิ้นสุดการช่วยฟื้นชีวิต คุณภาพการบันทึก และความพึงพอใจของพยาบาลผู้ปฏิบัติงานที่มีต่อแบบบันทึกทางการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤตในรูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง ไม่มีกลุ่มควบคุมวัดครั้งเดียวหลังการทดลอง สิ่งทดลองได้แก่แบบบันทึกทางการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต (CPR Nurses. Record) ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลผู้ป่วยภาวะวิกฤตที่ได้รับการช่วยฟื้นชีวิต (CPR) และใส่ท่อช่วยหายใจ (ON ET-tube) เท่านั้น พื้นที่ดำเนินการทดลองคือห้องกู้ชีพ หน่วยเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามาธิบดี ดำเนินการทดลองเป็นระยะเวลา 2 เดือน เก็บรวบรวมข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจ จากพยาบาลที่ปฏิบัติงานในห้องกูชีพ หน่วยเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามาธิบดี จำนวน 20 คน และการตรวจสอบคุณภาพการบันทึกทางการพยาบาลจากแบบบันทึกทางการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤตแบบใหม่จำนวน 10 ฉบับ ฉบับละ 81 รายการ วิเคราะห์ข้อมูลและแปลผลโดยสถิติแบบบรรยายด้วยค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยความรวดเร็วในการบันทึกโดยสถิติ Manwithny U-test ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05
ผลการดำเนินการทดลองพบว่าความรวดเร็วในการบันทึกทางการพยาบาลภายหลังสิ้นสุดการช่วยฟื้นคืนชีพลดลง เป็นผลให้พยาบาลในห้องกู้ชีพมีเวลาในการให้การพยาบาลผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ไม่ต้องจัดเจ้าหน้าที่หมุนเวียนเข้ามาช่วยในห้องกู้ชีพ ผู้ป่วยได้รับการดูแลจากพยาบาลห้องกู้ชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการช่วยฟื้นชีวิตโดยตรง และสามารถประเมินคุณภาพการช่วยฟื้นชีวิตของทีม CPR เพื่อเป็นการสอดคล้องกับนโยบายในการพัฒนาคุณภาพ ความพึงพอใจที่มีต่อแบบบันทึกทางการพยาบาลแบบใหม่ในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาก โดยที่คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจด้านโครงสร้างของแบบบันทึกมีค่าสูงสุด (X = 3.95, S.D = 0.39) ในขณะที่คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจด้านความเป็นระเบียบของข้อมูลและเวลาที่ใช้ในการบันทึกมีค่าน้อยและน้อยที่สุดตามลำดับ
( X = 3.55, S.D. = 0.47 และ X = 3.52, S.D. = 0.59) ด้านคุณภาพการบันทึกถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน ได้ใจความ พบว่าค่าเฉลี่ยร้อยละคะแนนรวม คุณภาพการบันทึกการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต แต่ละข้อรายการที่ได้รับการปฏิบัติการพยาบาลอยู่ในเกณฑ์พอใช้ (74.09 ฑ 18.25) และค่าเฉลี่ยร้อยละคุณภาพการบันทึก การพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต จำ แนก ตามรายการบันทึกข้อมูลหน่วยงานที่ได้รับการปฏิบัติการพยาบาลในแต่ละฉบับอยู่ในเกณฑ์ดีมาก (90.04 ฑ 15.22) และพบว่ามีข้อมูลที่ได้รับการปฏิบัติพยาบาลแต่ไม่ได้รับการบันทึกร้อยละ 22.66
ข้อเสนอแนะจากการวิจัย คือชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับความสำคัญ ความเป็นมา และวิธีการใช้แบบบันทึกทางการพยาบาลเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนฝึกทักษะในการคิดและบันทึกโดยใช้กระบวนการพยาบาลอย่างต่อเนื่องกระทั่งมีความเข้าใจสามารถปฏิบัติได้
Contact Us | Terms of Use | Trademarks | Privacy Statement Copyright © 2009 ---. All Rights Reserved.
Web Template created with Artisteer.