รายละเอียดข้อมูลวิจัย

ลำดับที่ 4155
ผู้กรอกข้อมูล อรอนงค์ วิชัยคำ
วันที่กรอกข้อมูล 4/8/2553
ชื่อเรื่องไทย ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมตามการรับรู้ของผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ชื่อเรื่องอังกฤษ Factors Influencing Assertive Behaviors Perceived by Head Nurses in Northeast Community Hospitals
ชื่อผู้วิจัยหลัก ละเอียด น้อยจันทร์
   
ชื่อผู้วิจัยร่วม
ผู้ร่วมวิจัย
วิภาพร วรหาญ
จงรัก อิฐรัตน์
วิลาวรรณ พันธุ์พฤกษ์
สังกัด มหาวิทยาลัยขอนแก่น
   
แหล่งทุน
ไม่พบข้อมูล
   
ประเภทของผลงาน วิทยานิพนธ์
แหล่งที่เก็บ
แหล่งที่เก็บข้อมูลโปรดระบุ(ชื่อ)
มหาวิทยาลัยขอนแก่น 
   
ปี 2546
บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยายแบบการศึกษาเชิงทำนาย เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมตามการรับรู้ของผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) จำแนกตามขนาดโรงพยาบาลและสุ่มตัวอย่างโรงพยาบาลโดยการสุ่มแบบง่าย (Simple Sampling) ได้กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งหัวหน้าหอผู้ป่วยและหัวหน้างานในแผนกต่างๆจาก 38 โรงพยาบาลจำนวน 188 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคล สภาพแวดล้อมในการทำงานและพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสม โดยแบบสอบถามที่สร้างขึ้นได้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน หาความเที่ยงของแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการทำงานและพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสม โดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ได้ค่าเท่ากับ 0.93 และ 0.94 ตามลำดับ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์แบะได้รับแบบสอบถามกลับคืนมาคิดเป็นร้อยละ 90.29 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบไคสแควร์ ค่าสัมประสิทธิ์การณ์จร การทดสอบของฟิชเชอร์ ค่าสัมประสัทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบการเพิ่มตัวแปรเป็นขั้นตอน

ผลการวิจัยพบว่า

1.             สภาพแวดล้อมในการทำงานตามการรับรู้ของผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาลโรงพยาบาลชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยรวม พบว่าอยู่ในระดับปานกลาง (=3.60 , SD=0.50) และเมื่อวิเคราะห์เป็นรายองค์ประกอบพบว่า ผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาลมีการรับรู้สภาพแวดล้อมทางกายภาพและทางสังคมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนสภาพแวดล้อมทางจิตใจพบว่าอยู่ในระดับมาก (=3.44 , SD=0.55 ; =3.60 , SD=0.56 และ =3.79 , SD=0.56 ตามลำดับ)

2.             ระดับพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมตามการรับรู้ของผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาล อยู่ในระดับมาก (=3.76 , SD=0.48)

3.             วิธีการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (=9.163) และสภาพแวดล้อมในการทำงานโดยรวม สภาพแวดล้อมในการทำงานทางกายภาพ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมของผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r=.470 , .453 , .439 และ .265 ตามลำดับ) ส่วนปัจจัยส่วนบุคคลอื่นได้แก่ อายุ ระยะเวลาในการปฏิบัติงานด้านการบริหาร ระดับการศึกษา แผนกที่ปฏิบัติงาน และการศึกษาอบรมในหลักสูตรผู้บริหาร ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสม

4.             ปัจจัยที่ร่วมกันทำนายพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมของผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ สภาพแวดล้อมในการทำงานทางจิตใจ และทางสังคม โดยสามารถร่วมกันทำนายพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมของผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ร้อยละ 25.2 ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .01 และสภาพแวดล้อมในการทำงานทางจิตใจเป็นตัวทำนายพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมของผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาล ที่ดีที่สุด (Beta=.299) และสภาพแวดล้อมทางสังคมเป็นตัวทำนายได้เป็นอันดับสอง (Beta=.265)

ข้อเสนอแนะจากการศึกษาครั้งนี้ ผู้บริหารกลุ่มการพยาบาลควรพิจารณาหาแนวทางในการพัฒนาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสมต่อการพัฒนาพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมแก่พยาบาลทุกระดับ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของพยาบาลซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนางาน และพัฒนาวิชาชีพการพยาบาลต่อไป

URL
วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมกล้าแสดงออกที่เหมาะสมตามการรับรู้ของผู้บริหารระดับต้น กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 
    พิมพ์หน้านี้