รายละเอียดข้อมูลวิจัย

ลำดับที่ 3077
ผู้กรอกข้อมูล บุญพิชชา จิตต์ภักดี
วันที่กรอกข้อมูล 12/8/2553
ชื่อเรื่องไทย ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยด้านการทำงานกับความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ชื่อเรื่องอังกฤษ RELATIONSHIPS BETWEEN PERSONAL FACTORS, JOB RELATED FACTORS AND STRESS OF OPERATING ROOM NURSES IN KING CHULALONGKORN MEMORIAL HOSPITAL
ชื่อผู้วิจัยหลัก ขจิตพรรณ เหลืองวิรุจน์กุล
   
ชื่อผู้วิจัยร่วม
ผู้ร่วมวิจัย
ผ่องศรี เกียรติเลิศนภา
สังกัด มหาวิทยาลัยบูรพา
   
แหล่งทุน
ไม่พบข้อมูล
   
ประเภทของผลงาน วิทยานิพนธ์
แหล่งที่เก็บ
แหล่งที่เก็บข้อมูลโปรดระบุ(ชื่อ)
มหาวิทยาลัยบูรพา 
   
ปี 2545
บทคัดย่อ               การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัด ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลปัจจัยด้านการทำงานกับความเครียด และศึกษาปัจจัยที่สามารถทำนายความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัด กลุ่มตัวอย่างคือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในห้องผ่าตัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย จำนวน 80 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถาม 2 ส่วน ซึ่งแบ่งเป็นปัจจัยส่วนบุคคล  ปัจจัยด้านการทำงาน  และแบบประเมินความเครียดของ พิมผกา  สุขกุล  มาใช้เป็นแบบสอบถาม โดยผู้วิจัยได้หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามปัจจัยด้านการทำงานเท่ากับ .82 และแบบประเมินความเครียดเท่ากับ .97 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์หาความสัมพันธ์และสมการถดถอยหพุคูณ   แบบเพิ่มตัวแปรเป็นขั้นตอน

            ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

            1.ความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัดโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยอยู่ในระดับที่มีความเครียดน้อย

            2.ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความเครียดพบว่า อายุและระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในห้องผ่าตัดไม่มีความสัมพันธ์กัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่สถานภาพสมรสโสดมีความสัมพันธ์ในทางบวกระดับปานกลางกับความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 สถานภาพสมรสคู่มีความสัมพันธ์ทางลบระดับปานกลางกับความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

            3.ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการทำงานกับความเครียด พบว่า ลักษณะงาน สภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน การบริหารและการสนับสนุนในหน่วยงานไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่สัมพันธภาพระหว่างเพื่อนร่วมงานมีความสัมพันธ์ในทางลบระดับต่ำกับความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

            4.ตัวแปรที่สามารถทำนาย ความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัด ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 คือสถานภาพสมรสโสด  สามารถทำนายความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัดได้ร้อยละ 10 ได้สมการทำนายในรูปคะแนนดิบ ดังนี้

       ความเครียด  = .477 + .261  (สถานภาพสมรสโสด)

URL
วัตถุประสงค์  เพื่อศึกษาความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัด ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลปัจจัยด้านการทำงานกับความเครียด และศึกษาปัจจัยที่สามารถทำนายความเครียดของพยาบาลห้องผ่าตัด
 
    พิมพ์หน้านี้